Selective Racking Systems กับการใช้งานในคลังสินค้า
บทความ 2 นาที
Selective Racking Systems กับการใช้งานในคลังสินค้า
Selective Racking Systems เป็นที่นิยมใช้งานในคลังสินค้าอย่างมาก เนื่องจากมีข้อจำกัดที่ค่อนข้างน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับชั้นวางประเภทอื่นๆ ทั้งยังสามารถเพิ่มปริมาณการจัดเก็บได้มากขึ้นกว่า 30% ของพื้นที่คลังสินค้าทั้งหมด และสามารถรับนํ้าหนักได้สูงสุดถึง 3,000 กิโลกรัมต่อระดับชั้น (3,000 kgs./ level)
ด้วยข้อจำกัดที่น้อยจึงทำให้ชั้นวางสินค้า Selective Racks นั้นตอบโจทย์ในอุตสาหกรรมจำนวนมาก
ความสะดวกในการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น :
- การเข้าถึงสินค้าที่รวดเร็วมากขึ้น ทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการสินค้า (Inventory Control)
- ความยืดหยุ่นในการจัดเก็บสินค้า สามารถจัดเก็บสินค้าได้หลากหลายประเภท (SKUs)
|
|
|
ทั้งนี้ชั้นวางสินค้าประเภท Selective Racks ยังตอบโจทย์สำหรับคลังสินค้าที่ยังไม่เคยมีการใช้งานชั้นวาง สินค้าเช่นกัน (Rack) จะเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นในด้านการบริหารจัดการคุณภาพสินค้าและการจัดเก็บหรือส่งออก
เชื่อว่าหลายๆ คนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ คงเคยได้อ่านหลายๆบทความหรือมีประสบการณ์การใช้งานของชั้นวางสินค้าอุตสาหกรรมหรือ Selective Racking Systems กันมาบ้างแล้ว หากยังไม่เคยใช้งาน สามารถอ่านบทความ “ทำไมจำเป็นต้องมีชั้นวางสินค้าในคลังสินค้า” ได้ที่นี่
ชั้นวางอุตสาหกรรมหรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Selective Rack นั้นนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในคลังสินค้าขนาดใหญ่หรือขนาดย่อม Selective Rack สามารถเพิ่มปริมาณจัดเก็บได้มากขึ้นกว่า 30% ของพื้นที่คลังสินค้าทั้งหมด รวมถึงข้อจำกัดที่มีน้อยกว่าชั้นวางสินค้าประเภทอื่นๆ เช่น Drive-In Racking ที่ต้องจัดเก็บสินค้าแบบระบบ LIFO (Last In, First Out) เท่านั้น หรือ Very Narrow Aisle Racking (VNA) ที่มีเรื่องระนาบของพื้นมาเป็นข้อจำกัด ซึ่งจำเป็นจะต้องมีความลาดเอียงไม่เกิน 1.5 มิลลิเมตร ทุกระยะ 3 เมตร หรือที่เราเรียกว่า Super Flat Floor
แต่ใช่ว่าชั้นวางสินค้า Selective Rack จะไม่มีข้อจำกัดเลยเช่นกัน สำหรับชั้นวางประเภทนี้ควรมีช่องทางรถ Forklift ไม่น้อยกว่า 3.2 เมตร เพื่อวิ่งนำสินค้าเข้าไปจัดเก็บหรือนำออก ซึ่งข้อจำกัดนี้ทำให้คลังสินค้าที่มีพื้นที่ที่จำ กัดมากๆ ไม่สามารถเพิ่มปริมาณจัดเก็บได้มากเท่าที่ควร เนื่องจากต้องเผื่อระยะทางให้ช่องทางรถ Forklift วิ่งได้สะดวก
" อย่างไรก็ตามการเลือกใช้ชั้นวางสินค้าเพื่อให้ตอบโจทย์ประเภทอุตสาหกรรมนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็น การออกแบบและจัดวางชั้นวางสินค้าให้แต่ละคลังสินค้าก็เป็นเรื่องที่จำเป็นไม่แพ้กัน "
ในหน้างานจริงๆ แล้ว เราสามารถประยุกต์ใช้ชั้นวางสินค้าประเภท Selective Rack นี้เพื่อเป็น Buffer* สำหรับพักสินค้าก่อนนำสินค้าจัดส่งไปหาผู้บริโภคได้ นั่นหมายถึงเราไม่จำเป็นจะต้องใช้เพียงชั้นวางสินค้าประเภท เดียวในแต่ละคลังสินค้า เพราะจุดเด่น Selective Rack นั้นมีจุดเด่นหลากหลายด้าน
- การเข้าถึงสินค้าที่รวดเร็วมากขึ้น ทำให้ง่ายต่อการบริหารจัดการสินค้า (Inventory Control)
- ความยืดหยุ่นในการจัดเก็บสินค้า สามารถจัดเก็บสินค้าในแต่ละความสูงได้หลากหลายประเภท (SKUs)
- สามารถรับนํ้าหนักได้สูงสุดถึง 3,000 กิโลกรัมต่อระดับชั้น (3,000 kgs./ level)
* Buffer หมายถึง การทำ Stock สินค้าเพื่อรอการจัดส่ง